A Behind the Scenes Look at My Fall, Last Fall.

One year ago, yesterday,  I slipped and shattered my ankle.  I really haven’t felt much like talking about it, but it’s a part of this project’s history, so here goes:

ครบปีแล้วที่ลื่นล้มข้อเท้าหลุด เลยอยากเล่าสู่กันฟังในวันนี้

Temple with Sun Halo.

We were on the road early as usual, this time heading for a cave in Trang, when I saw the temple above and ordered a van turn-around.  The green and gold nagas that surrounded the temple had caught my eye, and now there was a large halo around the sun.  “Great Omen,” I told my wife.  “This will be an auspicious day!”  While I was walking around finding the right angle, angry dogs started to advance.  Angry dogs at temples is a normal thing here, and I had learned that screaming at the dog and acting crazy, usually sent them running, or at least brought out some monks to help.  The dogs did back away, but stood and blocked the way to the van.  As I got closer, the driver helped distract the dogs, and I saw that they were protecting a large brood of tiny puppies.

ครั้งนั้นเราเดินทางไปถ่ายทำหนังสือทางภาคใต้ครั้งที่ 4   เราเริ่มทริปจากกรุงเทพฯ ไป ประจวบฯ, สุราษฎร์, เกาะสมุย  เรื่อยไปจนบรรลุเป้าหมายหลักอย่างแรกคือ งานวันสารทเดือนสิบเมืองนครศรีธรรมราช   แล้วต่อด้วยกระบี่-ตรัง-ภูเก็ต ซึ่งเป้าหมายหลักที่สองคือ เทศกาลถือศีลกินเจที่ภูเก็ต    …แต่..เช้าวันนึงเราเดินทางจากกระบี่มุ่งหน้าสู่ตรังเพื่อไปถ่ายรูปถ้ำเลเขากอบ  ระหว่างทางเราขับผ่านวัดคลองท่อมไปไม่ไกลก็ต้องย้อนกลับมาเพราะพญานาคสีเขียวทองสะดุดตาเหลือเกิน  จึงได้ภาพด้านบนพร้อมกับพระอาทิตย์ทรงกลด  ดูเหมือนว่าเป็นสัญญาณที่ดีและวันนี้ต้องเป็นวันดีมากๆ แน่   วัดนี้สุนัขเยอะและดุด้วยเลยดุเสียงดังใส่กลับไปจนมันเตลิดหนี  มันไม่ได้ไปไหนไกลเท่าไหร่แถมยังขวางทางเป็นฝูงเลย คนขับรถตู้ของเราก็เลยช่วยเบนความสนใจมันไป  เราจึงรู้ว่ามีแม่ลูกอ่อนกำลังเลี้ยงลูกหมาตัวน้อยๆ เกือบสิบตัวอยู่แถวนั้น

Puppies! Just Minutes Before the Fall.

I spent a long time trying to photograph them using my small camera, but they were too fast for a digital point-and-shoot camera.  “Wow!  First a sun halo, now puppies,  Is this a great day or what?!”  With that exclamation, we headed for the Le Khao Kop Cave in Trang.  We were a bit off schedule now and I ran to the restroom.  Now during the rainy season in Thailand, algae or moss begins to cover everything, and as I ran down a small handicapped ramp, I slipped, fell, heard a loud pop, and now my foot appeared to be attached side-ways.  An ambulance was called and as I was being attended to, a woman at the ticket counter said that I shouldn’t feel embarrassed, as people slip and hurt themselves on that ramp, “All the time.”  (Well.  why the @#$%^&* don’t they FIX THAT @#$%^&* ramp???????!!!!!)  It was a short ambulance ride to a local government hospital, and the morphine was starting to work by the time we arrived.

เราพยายามถ่ายรูปครอบครัวสุนัขแต่เจ้าลูกหมาตัวน้อยวิ่งไปวิ่งมาไปทั่วบริเวณ  เหลือแค่แม่และลูกอีก 3-4 ตัวในภาพที่เห็น   จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่ที่หมายของเราในวันนี้คือ ถ้ำเลเขากอบ  ได้ยินว่าวันนี้จะมีทัวร์กลุ่มใหญ่มา  เราก็เลยรีบเตรียมจะเข้าไปก่อนคณะทัวร์ .. แต่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ   พอเสร็จกิจก็เดินลงทางลาดที่อยู่หน้าห้องน้ำ  — ลื่นหงายหลัง ณ ตรงนั้น —  พร้อมได้ยินเสียงอะไรซักอย่างหักแต่กลับพบว่าเท้าข้างขวาของตัวเองมันบิดๆ เบี้ยวๆ ไปซะแล้ว   มีคนโทรเรียกรถพยาบาลให้ ตามมาด้วยไทยมุง   คนขับรถตู้ของเราก็ช่วยกันพวกไทยมุงให้อยู่ห่างๆ  ส่วนภรรยาก็นำน้ำแข็งมาประคบให้    มีผู้หญิงท่านหนึ่งตรงโต๊ะขายบัตรบอกว่าตรงนี้คนลื่นล้มกันตลอดเลย   .. อ้าว! แล้วทำไมไม่@#$%^&*ปรับปรุงแก้ไขไอ้ทางลาดอันนี้กันล่ะ???????!!!!!   สักพักรถหน่วยฉุกเฉินที่ดูเหมือนรถมูลนิธิหนึ่งก็มาปฐมพยาบาลและพาไปโรงพยาบาลห้วยยอดซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด  ทางโรงพยาบาลดูอาการแล้วช่วยฉีดยาบรรเทาความปวดให้  จากนั้นก็ตามรถพยาบาลของโรงพยาบาลตรังมารับไป (เพราะอาการหนักเกิน)

Arriving at the Hospital

The hospital emergency room was just what you might expect from a small provincial, government hospital in a developing country: crowded, hot, and scary.  It seemed like all of the other patients were much worse off than me, and during my two-hour visit, three people died.  There seemed to be only one doctor on duty, but he was very sharp and managed to calm most of the patients he visited.  When he looked at the x-ray that had been taken, he seemed very concerned.  I told him that I had to be in Nakhon Si Thammarat the next day to cover the “Tenth Lunar Month Festival” and in Phuket in five days to cover the Vegetarian Festival.  I explained further that I was working on a book and if I missed a festival, I’d have to wait a whole year before it happened again.  He raised his eyebrows noticeably and said my only chance was to go to the Wattanapat Hospital, which happened to have an excellent foot surgeon, named Dr. Samet.

โรงพยาบาลตรังซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด  จึงมีคนค่อนข้างพลุกพล่าน   แต่พอเรามาถึงห้องฉุกเฉินแล้วดูเหมือนคนอื่นๆ จะมีอาการหนักหนาสาหัสกว่าเราเยอะ  แค่สองชั่วโมงผ่านไปมีคนสิ้นใจไปแล้วสามคน   คุณหมอประจำที่ห้องฉุกเฉินในตอนนั้นมีแค่ท่านเดียวแต่ทำงานคล่องแคล่วอย่างสุขุมและตั้งใจมาก  แต่เราก็ต้องรอพบแพทย์ที่ถนัดทางกระดูกโดยตรงก็รอไปจนบ่าย (ลื่นล้มตอนประมาณเก้าโมงเช้า)  พยาบาลมาพาไปเอ็กซ์เรย์และฉีดมอร์ฟีนให้หนึ่งเข็มแล้วแพทย์ด้านกระดูกก็มาดูฟิล์มแบบสีหน้ามีกังวล  เราก็บอกหมอไปว่าเรากำลังถ่ายทำหนังสือต้องกลับไปนครฯ เพื่อถ่ายรูปงานสารทต่อ แล้วในอีก 5 วันข้างหน้าก็จะต้องเดินทางไปงานเทศกาลถือศีลกินเจที่ภูเก็ต เพราะปีนึงมีแค่ครั้งเดียวพลาดไม่ได้ไม่งั้นต้องรอปีหน้า  คุณหมอช่วยทำยังไงก็ได้ให้สามารถอยู่ต่อเพื่อถ่ายรูปคราวนี้แหละ   คุณหมอเลิกคิ้วแบบสงสัยแล้วถามภรรยาว่าไปทำอะไรมาทำไมเป็นแบบนี้ รู้ไหมว่ากระดูกตาตุ่มเคลื่อนและกระดูกข้อเท้าหัก  ก็ตอบไปว่าลื่นท่าไหนที่ไหนยังไง  คุณหมอตอบมุขตลกกลับมาว่า ลื่นแค่นี้แต่กระดูกเอ็นร้อยหวายหักเป็นสามท่อนแบบนี้ เขาเรียกว่า ซ-ว-ย !!!  (อันนี้เห็นด้วยและฮาด้วยกับหมอ)
แล้วคุณหมอก็ดึงข้อเท้าที่เคลื่อนกลับเข้าที่ให้และแจ้งให้เราทราบว่าที่โรงพยาบาลตรังไม่มีผู้เชี่ยวชาญพอในกรณีนี้  ดังนั้นแนะนำให้กลับไปผ่าตัดที่กรุงเทพฯ และพักยาว    ..ไม่มีทางหรอก.. มาไกลขนาดนี้แล้ว  ขอหมอที่เก่งที่สุดในจังหวัดหรือพื้นที่ภาคใต้นี้แหละ!  คุณหมอเลยขอนัดหมายอาจารย์นพ.สุเมธ โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ตรัง แล้วส่งรถพยาบาลมารับเพื่อทำการตรวจและผ่าตัดในคืนนั้นเลย

A Before X-ray. It Looks Like My Foot is About to Fall Off!

Another short ambulance ride and we arrived at the hospital.  I told Dr. Samet, the same story about my book and schedule and he promised to do everything he could to get me back on my, ah, feet, as soon as he could.  Luckily, we had visited Nakhon Si Thammarat and taken some photos a few days before, so missing the rest of the festival was not the end of the world, but the Vegetarian Festival was a must!

พอเราไปถึงโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ตรัง  เราก็เล่าเรื่องอุบัติเหตุและหนังสือพร้อมกับเป้าหมายหลักของเราให้อาจารย์หมอฟัง  อาจารย์ก็รับปากว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุดที่สามารถทำได้นะ    โชคดีนะเนี่ยที่เราไปงานสารทเดือนสิบที่นครฯ มาก่อนจนได้รูปหลักๆ ของเทศกาลมาแล้ว ดังนั้นไม่กลับไปก็ไม่เป็นไร  แต่เทศกาลถือศีลกินเจที่ภูเก็ตนี่ไม่ไปไม่ได้   (ด้านบนเป็นภาพฟิล์มเอ็กซ์เรย์ก่อนรับการผ่าตัด)

Being the curious type, I had a spinal block shot, so I could stay awake for the surgery.  I didn’t feel any pain, but I wouldn’t suggest it to any of my friends.  The screws and the metal plate being installed proved to be most riveting (sorry), and listening the sound of the drill and screwdriver really rounded out an interesting day.  Below is an x-ray of the finished operation.

ด้วยความเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเลยบอกอาจารย์หมอและพยาบาลว่าไม่ต้องวางยาสลบ ขอแค่บล๊อกหลังก็พอ  (ไม่รู้สึกเจ็บอะไรตอนผ่าตัดก็จริง แต่แนะนำว่าไม่ควรทำตามเป็นอย่างยิ่ง)   เลยได้นั่งฟังเสียงเครื่องไม้เครื่องมือ, สว่าน, ตะปูเกลียว, และอื่นๆ แต่ไม่เห็นอะไรเลยเพราะมีฉากกั้นพร้อมกับถูกตรึงข้อมือไว้กับเตียงด้วย   พอออกจากห้องผ่าตัดก็มีพยายบาลมาคอยตรวจและฉีดมอร์ฟีนให้ตลอดทั้งคืน   (ด้านล่างเป็นภาพฟิล์มเอ็กซ์เรย์หลังรับการผ่าตัดใส่แผ่นเพลทดามและตะปูเกลียวยึดกระดูก พร้อมแนวเย็วแผลที่ผิวด้านนอกที่ใช้วัสดุคล้ายลวดเย็บกระดาษหรือลูกแม็กซ์นั่นเอง)

After

A few days later I was released and walking on crutches.  We checked into the Kantary Bay Hotel, in Phuket, where we were greeted by the friendliest, warmest, most caring staff, that I’ve ever seen.  I wouldn’t normally name a hotel in my blog, but these people were way over the top!  Early the next morning, with a loaned wheelchair and some help down a ramp we set off for the festival.  (Photo below shows me hamming it up as I enjoy the ride.)

สองวันถัดมา อาจารย์หมอเห็นว่าไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ เลยให้ฝึกใช้ไม้เท้า 2 อันช่วยพยุงตัวเวลาเดิน แล้วก็ปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาล    เราจึงเดินทางมุ่งหน้าไปภูเก็ต  ไปพักฟื้นต่อที่ Kantary Bay Hotel ซึ่งทางโรงแรมเตรียมรถเข็นวีลแชร์และให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นมาก  เรามาพักที่นี่บ่อยครั้งเพราะบริการเป็นเลิศ    พอถึงวันงานเทศกาลถือศีลกินเจเรายืมรถเข็นวีลแชร์จากทางโรงแรมแล้วก็มีพนักงานมาช่วยเข็นลงจากทางลาด  เห็นทางลาดแล้วขยาดไปพักนึง  (ภาพด้านล่างนี้ดูสีหน้าท่าทางสนุกสนานกับการลงทางลาดนั้นมากเลย)

Now That’s Comedy!

Being in a wheelchair really sucked!  To use a fisheye lens and not get a lot of weird distortion means searching and finding just the right angle.  Although I was in pain, seeing the people around me with sharp objects sticking in their face, gave me courage, and I got up on my crutches and made my first photograph.

เป็นช่างภาพแต่ต้องนั่งรถเข็นนี่รู้สึกแย่จริงๆ!  แล้วจะถ่ายรูปด้วยเลนส์ fisheye ยังไงล่ะ  มุมองศามันไม่ได้กัน เดี๋ยวก็ออกมาเป็นแบบน้องหมาหัวโตๆ พอดี   เจ็บขาไหม?..เจ็บสิ! แต่ต้องหามุมดีดีก่อน ให้ภรรยาเข็นรถเข้าไปใกล้ๆ แล้วลุกขึ้นยืนพร้อมไม้เท้าเพื่อถ่ายรูป    และก็ได้รูปด้านล่างนี้ ม้าทรงคนนี้เพิ่งเสียบเหล็กแหลมสองอันเข้าไปหมาดๆ

First Image After Breaking My Ankle

I became excited and I forgot that I was on crutches.  My left crutch fell out from under my left arm and I started to fall.  A hand grabbed me and held me until I could get my balance. I was shocked to see that the man that saved me from another fall, had a sword sticking through his face!  (Photo Below)

ครั้งนึง ตื่นเต้นและลืมไปว่าหนีบไม้เท้าสองอันอยู่ขณะถ่ายรูปจนตัวเองเอนไปเกือบล้ม แล้วก็มีมือมาจับช่วยรั้งไว้  พอหันไปดูว่ามือใคร ก็อึ้งไปเพราะหันไปเจอม้าทรงท่านหนึ่งที่มีดาบเสียบอยู่ในโพรงแก้มนั่นเองที่เอื้มมือมาช่วยไว้! (ภาพด้านล่าง)

My Seond Photo.

After taking his picture, I got back into my chair and took the remaining photos of the festival from the wheelchair. -safer for everyone!

พอได้รูปตามที่ปรารถนาแล้วก็กลับมานั่งรถเข็นวีลแชร์ถ่ายภาพบรรยากาศในงานต่อ – น่าจะปลอดภัยกว่าสำหรับทุกท่าน!

Veiw of Island, Sea, and Pool from Our Balcony

I spent the next two days on the balcony, drinking beer and eating seafood.  The sea breeze and view kept me from feeling sorry for myself and allowed the healing to begin.  At that time we had visited 50 of Thailand’s 77 provinces, but still had more festivals to go to and many more sites to see.  I still hadn’t made a shot for the book’s cover yet, but all of that’s another story…

หลังจากบรรลุเป้าหมายหลักของทริปนี้เราจึงพักผ่อนที่ภูเก็ตต่ออีกสองวันแล้วกลับกรุงเทพฯ   ถึงตอนนั้นเราก็ได้เดินทางถ่ายรูปไปแล้ว 50 จังหวัด จาก 77 จังหวัดของประเทศไทย  ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งหลายเทศกาลที่ต้องไปเยือนประกอบกับยังไม่มีภาพเหมาะๆ สำหรับหน้าปกหนังสือเลย —  และนี่ก็เป็นอีกเรื่องเล่าจากหลายๆ ประสบการณ์การเดินทางทั่วประเทศไทย

If you enjoyed this story, subscribe using the “Subscribe” button on the menu, or Click “Like” on our fan page! Here

ผู้ ติดตามอ่านบล็อก สามารถติดตามอัพเดทโพสต์บล็อกได้โดยสมัครสมาชิกที่บล็อก หรือ กดไลค์ที่เฟสบุ๊คเพจของเราที่นี่ Here

Would you like to read more of our blog? Go to Blog Home

How about a short trailer about our book, THAILAND 180?

Not Familiar with Our Book???

This show details the origin of 180 Books, a series of art/travel books illustrated with a circular fisheye lens. By using infographics, pictures from our THAILAND 180º book, and never seen before images from our vault, we’ll demonstrate this unique lens and present our unique books.

You may also like...